สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร
อัญขยมบรมเรศร์เรื้อง รามวงศ์
พระผ่านแผ่นไผททรง สืบไท้
แสวงยิ่งสิ่งสดับองค์ โอวาท
หวังประชาชนให้ อ่านแจ้งคำโคลง
ครรโลงโลกนิตินี้ นมนาน
มีแต่โบราณกาล เก่าพร้อง
เป็นสุภาษิตสาร สอนจิต
กลดั่งสร้อยสอดคล้อง เวี่ยไว้ในกรรณฯ
๑.ปลาร้าพันห่อด้วย ใบคา
ใบก็เหม็นคาวปลา คละคลุ้ง
คือคนหมู่ไปหา คบเพื่อน พาลนา
ได้แต่ร้ายร้ายฟุ้ง เฟื่องให้เสียพงศ์ฯ
๒.ใบพ้อพันห่อหุ้ม กฤษณา
หอมระรวยรสพา เพริศด้วย
คือคนเสพเสน่หา นักปราชญ์
ความสุขซาบฤาม้วย ดุจไม้กลื่นหอมฯ
๓.ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้ มีพรรณ
ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบ้าย
ภายในย่อมแมลงวัน หนอนบ่อน
ดุจดั่งคนใจร้าย นอกนั้นดูงามฯ
๔.ขนุนสุกสล้างแห่ง สาขา
ภายนอกเห็นหนามหน่า หนั่นแท้
ภายในย่อมรสา เอมโอช
สาธุชนนั้นแล้ เลิศด้วยดวงใจฯ
๕.ยางขาวขนเรียบร้อย ดูดี
ภายนอกหมดใสสี เปรียบฝ้าย
กินสัตว์เสพปลามี ชีวิต
เฉกเช่นชนชาติร้าย นอกนั้นนวลงามฯ
๖.รูปแร้งดูร่างร้าย รุงรัง
ภายนอกเพียงพึงชัง ชั่วช้า
เสพสัตว์ที่มรณัง นฤโทษ
ดังจิตต์สาธุชนกล้า กลั่นสร้างทางผลฯ
๗.คนพาลผู้บาปแท้ ทุรจิตต์
ไปสู่หาบัณฑิต ค่ำเช้า
ฟังธรรมอยู่เนืองนิตย์ บ่ซราบ ใจนา
คือจวักตักข้าว ห่อนรู้รสแกงฯ
๘.ผู้ใดใจฉลาดล้ำ ปัญญา
ได้สดับปราชญ์เจรจา อาจรู้
ยินคำบัดเดี๋ยวมา ซับซาบ ใจนา
คือมลิ้นคนผู้ ทราบรู้รสแกงฯ
๙.หมูเห็นสีหราชท้า ชวนรบ
กูสี่ตีนกูพบ ท่านไซร้
อย่ากลัวท่านอย่าหลบ หลีกจาก กูนา
ท่านสี่ตีนอย่าได้ วากเว้วางหนีฯ
๑๐.สีหราชร้องว่าโอ้ พาลหมู
ทรชาติครั้นเห็นกู เกลียดใกล้
ฤามึงใคร่รบดนู มึงนาศ เองนา
กูเกลียดมึงกูให้ พ่ายแพ้ภัยตัวฯ
๑๑.กบเกิดในสระใต้ บัวบาน
ฤาห่อนรู้รสมาลย์ หนึ่งน้อย
ภุมราอยู่ไกลสถาน นับโยชน์ ก็ดี
บินโบกมาค้อยค้อย เกลือกเคล้าเสาวคนธ์ฯ
๑๒.ใจชนใจชั่วช้า โฉงเฉง
ใจจักสอนใจเอง ไป่ได้
ใจปราชญ์ดัดตามเพลง พลันง่าย
ดุจช่างปืนดัดไม้ แต่งให้ปืนตรงฯ
๑๓.ไม้ค้อมมีลูกน้อม นวยงาม
คือสัปปุรุษสอนตาม ง่ายแท้
ไม้ผุดั่งคนทราม สอนยาก
ดัดก็หักแหลกแล้ ห่อนรื้อโดยตามฯ
๑๔.เป็นคนควรรอบรู้ สมาคม
สองประการนิยม กล่าวไว้
หนึ่งพาลหนึ่งอุดม นักปราชญ์
สองสิ่งนี้จงให้ เลือกรู้สมาคมฯ
๑๕.คนใดไปเสพด้วย คนพาล
จักทุกข์ทนเนานาน เนิ่นแท้
ใครเสพท่วยทรงญาณ เปรมปราชญ์
เสวยสุขล้ำเลิศแล้ เพราะได้สดับดีฯ
๑๖.ได้เห็นนักปราชญ์ไซร้ เป็นสุข
อยู่ร่วมเรือนหายทุกข์ ค่ำเช้า
ผู้พาลสั่งสอนปลุก ใจดั่ง พาลนา
ยลเยี่ยงนกแขกเต้า ตกต้องมือโจรฯ
๑๗.คบกากาโหดให้ เสียพงศ์
พาตระกูลเหมหงส์ แหลกด้วย
คบคนชั่วจักปลง ความชอบ เสียนา
ตราบลูกหลานเหลนม้วย ไม่ม้วยนินทาฯ
๑๘.มดแดงแมลงป่องไว้ พิษหาง
งูจะเข็บพิษวาง แห่งเขี้ยว
ทรชนทั่วสรรพางค์ พิษอยู่
เพราะประพฤติมันเกี้ยว เกี่ยงร้ายแกมดีฯ
๑๙.นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
เลื้อยบ่ทำเดโช แช่มช้า
พิษน้อยหยิ่งยะโส แมลงป่อง
ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธีฯ
๒๐.ความรู้ผู้ปราชญ์นั้น นักเรียน
ฝนทั่งเท่าเข็มเพียร ผ่ายหน้า
คนเกียจเกลียดหน่ายเวียน วนจิต
กลอุทกในตะกร้า เปี่ยมล้นฤามีฯ
๒๑.กระออมเพ็ญเพียบน้ำ ฤาติง
โอ่งอ่างพร่องชลชิง เฟื่องหม้อ
ผู้ปราชญ์ห่อนสุงสิง เยียใหญ่
ผู้โฉดรู้น้อยก้อ พลอดพ้นประมาณฯ
๒๒.งาสารฤาห่อนเหี้ยน หดคืน
คำกล่าวสาธุชนยืน อย่างนั้น
ทุรชนกล่าวคำฝืน คำเล่า
หัวเต่ายาวแล้วสั้น เล่ห์ลิ้นทรชน
๒๓.ทรชนอย่าเคียดแค้น อย่าสนิท
อย่าห่างศัตรูชิด อย่าใกล้
คือไฟถ่านแรงฤทธิ์ ถือถลาก มือนา
แม้ดับแล้วบ่ไหม้ หม่นต้องมือดำฯ
๒๔.มิตรพาลอย่าคบให้ สนิทนัก
พาลใช่มิตรอย่ามัก กล่าวใกล้
ครั้นคราวเครียดคุมชัก เอาโทษ ใส่นา
รู้เหตุสิ่งใดไซร้ ส่อสิ้นกลางสนามฯ
๒๕.หมาใดตัวร้ายขบ บาทา
อย่าขบตอบต่อหมา อย่าขึ้ง
ทรชนชาติช่วงทา- รุณโทษ
อย่าโกรธอย่าหน้าบึ้ง ตอบถ้อยถือความฯ
๒๖.ลูกสะเดาน้ำผึ้งซาบ โทรมปน
แล้วปลูกปองรสคนธ์ แอบอ้อย
ตราบเท่าออกดอกผล พวงดก
ขมแห่งสะดาน้อย หนึ่งรู้โรยราฯ
๒๗.พริกเผ็ดใครเผ็ดให้ ฉันใด
หนามย่อมแหลมเองใคร เซี่ยมให้
จันทน์กฤษณาไฉน ใครอบ หอมฤา
วงศ์แห่งนักปราชญ์ได้ เพราะด้วยฉลาดเองฯ
๒๘.จันทน์แห้งกลิ่นห่อนได้ ดรธาน
อ้อยหีบชานยังหวาน โอชอ้อย
ช้างเข้าศึกเสี่ยมสาร ยกย่าง งามนา
บัณฑิตแม้ทุกข์ร้อย เท่ารื้อลืมธรรม์
๒๙.ฝูงหงส์หลงเข้าสู่ ฝูงกา
สีหราชเคียงโคนา คลาดเคล้า
ม้าต้นระคนลา เลวชาติ
นักปราชญ์พาลพาเต้า สี่นี้ไฉนงามฯ
๓๐.แมลงวันแสวงเสพด้วย ลามก
พาลชาติเสาะสิ่งรก เรื่องร้าย
ภุมราเห็จเหิรหก หาบุษ - บานา
นักปราชญ์ฤาห่อนหม้าย หมั่นสู้แสวงธรรม
๓๑.เนื้อปองน้ำหญ้าบ่ ปองทอง
ลิงบ่ปองรัตน์ปอง ลูกไม้
หมูปองอสุจิของ หอมห่อนปองนา
คนเคลิบเคลิ้มบ้าใบ้ ห่อนรู้ปองธรรมฯ
๓๒.กายเกิดพยาธิโรคร้าย ยาหาย
แต่พยศยาไป่วาย ตราบม้วย
ชาติเสือห่อนหายลาย ลบผ่อง
กล้วยก็กล้วยคงกล้วย กลับกล้ายฤามีฯ
๓๓.ขุนเขาสูงร้อยโยชน์ คณนา
ขุนปราบด้วยโยธา ราบได้
จักล้างพยศสา- หัสยาก
ยศศักดิ์ให้เท่าให้ พยศนั้นฤาหายฯ
๓๔.คบคนผู้โฉดเคลิ้ม อับผล
หญิงเคียดอย่าระคน ร่วมห้อง
อย่าคบหมู่ทรชน สอนยาก
บัณฑิตแม้ตกต้อง โทษสู้สมาคมฯ
๓๕.ภูเขาเอนกล้ำ มากมี
บมิหนักแผ่นธรณี หน่อยไซร้
หนักนักแต่กระลี ลวงโลก
อันจักทรงทานได้ แต่พื้นนรกานต์ฯ
๓๖.ภูเขาทั้งแท่งล้วน ศิลา
ลมพยุพัดพา บ่ขึ้น
สรรเสริญและนินทา คนกล่าว
ใจปราชญ์ฤาเฟื่องฟื้น ห่อนได้จินต์จลฯ
๓๗.ห้ามเพลิงไว้อย่าให้ มีควัน
ห้ามสุริยะแสงจันทร์ ส่องไซร้
ห้ามอายุให้หัน คืนเล่า
ห้ามดั่งนี้ไว้ได้ จึ่งห้ามนินทาฯ
๓๘.ภูเขาเหลือแหล่ล้วน ศิลา
หากมณีจินดา ยากได้
ฝูงชนเกิดนานา ในโลก
หานักปราชญ์นั้นไซร้ เลือกแล้วฤามีฯ
๓๙.ป่าหลวงหลายโยชน์พร้อม พฤกษา
หาแก่นจันทร์กฤษณา ยากไซร้
ฝูงคนเกิดมีมา เหลือแหล่
หาปราชญ์ฤาจักได้ ยากแท้ควรสงวนฯ
๔๐.มัจฉามีทั่วท้อง ชโลธร
หาเงือกงูมังกร ยากได้
ทั่วด้าวพระนคร คนมาก มีนา
จักเสาะสัปปุรุษไซร้ ยากแท้จักมีฯ
๔๑.ดารามีมากร้อย ถึงพัน
บ่เปรียบกับดวงจันทร์ หนึ่งได้
คนพาลมากอนันต์ ในโลก
จะเทียบเท่าปราชญ์ไซร้ ยากแท้ฤาถึงฯ
๔๒.เหมหงส์เลี้ยงชีพด้วย สาคร
ช้างพึ่งพนาดร ป่าไม้
ภุมราบุษบากร ครองร่าง ตนนา
นักปราชญ์เลี้ยงตัวได้ เพื่อด้วยปัญญาฯ
๔๓.นกแร้งบินได้เพื่อ เวหา
หมู่จระเข้าเต่าปลา พึ่งน้ำ
เข็ญใจพึ่งราชา จอมราช
ลูกอ่อนอ้อนกลืนกล้ำ เพื่อน้ำนมแรงฯ
๔๔.ป่าพึ่งพาลพยัคฆ์ร้าย ราวี
เสือพึ่งไพรพงพี เถื่อนถ้ำ
ความชั่วพึ่งความดี เท็จพึ่ง จริงนา
เรือพึ่งแรงน้ำน้ำ หากรู้คุณเรือฯ
๔๕.ตีนงูงูไซร้หาก เห็นกัน
นมไก่ไก่สำคัญ ไก่รู้
หมู่โจรต่อโจรหัน เห็นเล่ห์ กันนา
เชิงปราชญ์ฉลาดกล่าวผู้ ปราชญ์รู้เชิงกันฯ
๔๖.มีอายุร้อยหนึ่ง นานนัก
ศีลชื่อปัญจางค์จัก ไป่รู้
ขวบเดียวเด็กรู้รัก ษานิจ ศีลนา
พระตรัสสรรเสริญผู้ เด็กนั้นเกิดศรีฯ
๔๗.คนใดยืนอยู่ร้อย พรรษา
ใจบ่มีปรีชา โหดไร้
วันเดียวเด็กเกิดมา ใจปราชญ์
สรรเพชญบัณฑุรไว้ เด็กนั้นควรยอฯ
๔๘.คนใดยืนเหยียบร้อย ขวบปี
ความอุตส่าห์ฤามี เท่าก้อย
เด็กเกิดขวบหนึ่งดี เพียรพาก
พระตรัสว่าเด็กน้อย นี่เนื้อเวไนยฯ
๔๙.อายุถึงร้อยขวบ เจียรกาล
ธัมโมชอันโอฬาร บ่รู้
เด็กน้อยเกิดประมาณ วันหนึ่ง
เห็นถ่องธรรมยิ่งผู้ แก่ร้อยพรรษาฯ
๕๐.อายุมีอยู่ร้อย ปีปลาย
ความเกิดและความตาย ไป่รู้
วันเดียวเด็กหญิงชาย เห็นเกิด ตายนา
ลูกอ่อนนั่นยิ่งผู้ แก่ร้อยปีปลายฯ
๕๑.ธิรางค์รู้ธรรมแม้ มากหลาย
บ่กล่าวให้หญิงชาย ทั่วรู้
ดุจหญิงสกลกาย งามเลิศ
อยู่ร่วมเรือนผัวผู้ โหดแท้ขันทีฯ
๕๒.รู้ธรรมเทียมเท่าผู้ ทรงไตร
เจนจัดอรรถภายใน ลึกล้น
กล่าวแก้สิ่งสงสัย เลอะเลือน
รสพระธรรมอั้นอ้น ว่ารู้ใครชมฯ
๕๓.รู้น้อยว่ามากรู้ เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
ไป่เห็นชเลไกล กลางสมุทร
ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้ำลึกเหลือฯ
๕๔.รูปชั่วมักแต่งแกล้ง เกลาทรง
ใจขลาดมักอาจอง อวดสู้
น้ำพร่องกระออมคง กระฉอก ฉานนา
เฉาโฉดโอษฐ์อวดสู้ ว่ารู้ใครเทียมฯ
๕๕.จระเข้คับน่านน้ำ ไฉนหา ภักษ์เฮย
รถใหญ่กว่ารัถยา ยากแท้
เสือใหญ่กว่าวนา ไฉนอยู่ ได้แฮ
เรือเขื่องคับชเลแล้ แล่นโล้ไปไฉนฯ
๕๖.มณฑกทำเนียบท้าว ราชสีห์
แมวว่ากูพยัคฆี แกว่นกล้า
นกจอกว่าฤทธี กูยิ่งครุฑนา
คนประดากขุกมีข้า ยิ่งนั้นแสนทวีฯ
๕๗.หิ่งห้อยส่องก้นสู้ แสงจันทร์
ปัดเทียบเทียมรัตนอัน เอี่ยมข้า
ทองเหลืองหลู่สุวรรณ ธรรมชาติ
พาลว่าตนเองอ้า อาจล้ำเลยกวีฯ
๕๘.เสือผอมกวางวิ่งเข้า โจมขวิด
ไป่ว่าเสือมีฤทธิ์ เลิศล้ำ
เล็บเสือดั่งคมกฤช เสือซ่อน ไว้นา
ครั้นปะปามล้มขว้ำ จึ่งรู้จักเสือฯ
๕๙.ทองเหลืองเปลื้องร้ายห่อน เห็นมี
ขัดเท่าขัดราคี เล่าไซร้
นพคุณหมดใสสี เสร็จโทษ
ถึงบ่แต่งตั้งไว้ แจ่มแจ้งไพบูลย์ฯ
๖๐.พระสมุทรไหวหวาดห้วย คลองสรวล
เมรุพลวกปลวกสำรวล ร่าเร้า
สีหราชร่ำคร่ำครวญ สุนัขเยาะ หยันนา
สุริยส่องยามเย็นเช้า หิ่งห้อยยินดีฯ
๖๑.แมวล่าหนูแซ่ซี้ จรจรัล
หมาล่าวิฬาร์ผัน สู่หล้าง
ครูล่าศิษย์ละธรรม์ คบเพื่อน พาลนา
เสื่อล่าป่าแรมร้าง หมดไม้ไพรสณฑ์ฯ
๖๒.จามรรีขนข้องอยู่ หยุดปลด
ชีพบ่รักรักยศ ยิ่งไซร้
สัตว์โลกซึ่งสมบัติ มีชาติ
ดูเยี่ยงสัตว์นั้นได้ ยศซร้องสรรเสริญฯ
๖๓.นพคุณใส่เบ้าสูบ แสนที
ฆ้อนเหล็กรุมรันตี ห่อนม้วย
บ่เจ็บเท่าธุลี สักหยาด
เจ็บแต่ท่านชั่งด้วย กล่ำน้อยหัวดำฯ
๖๔.ตัดจันทน์ฟันม่วงไม้ จัมบก
แปลงปลูกหนามรายรก รอบเรื้อ
ฆ่าหงส์มยุรนก กระเหว่า เสียนา
เลี้ยงหมูกากินเนื้อ ว่ารู้ลีลาฯ
๖๕.เอาสารเทียมอูฐโอ้ เป็นมูล
เก็บปัดเทียมแก้วปูน ค่าไว้
เมืองใดพิกัดพูน มีดั่ง นี้นา
นับแต่ไกลอย่าได้ ไต่เต้าเมืองเข็ญฯ
๖๖.น้ำเคี้ยวยูงว่าเงื้ยว ยูงตาม
ทรายเหลือบหางยูงงาม ว่าหญ้า
ตาทรายยิ่งนิลงาม พรายเพริศ
ลิงว่าหว้าหวังหว้า หว่าดิ้นโดดตามฯ
๖๗.สังขารหวัวผู้ว่า ตนทระนง
ทรัพย์ย่อมหวัวคนจง ว่าเจ้า
หญิงหวัวแก่ชายปลง ชมลูก
มัจจุราชหวัวผู้เถ้า บ่รู้วันตายฯ
๖๘.มือด้วนคิดจะมล้าง เขาหมาย
ปากด้วนถ่มน้ำลาย เลียบฟ้า
หิ่งห้อยแข่งแสงฉาย สุริเยศ
คนทุพพลอวดกล้า แข่งผู้มีบุญฯ
๖๙.แว่นตามาใส่ผู้ อันธการ
คนหนวกฟังสำนวน ขับร้อง
คนใบ้ใฝ่แสดงสาร โคลงกาพย์
เฉกเครื่องประดับซร้อง ใส่ให้วานรฯ
๗๐.วัดช้างเบื้องบาทรู้ จักสาร
วัดอุทกชักกมุทมาลย์ แม่นรู้
ดูครูสดับโวหาร สอนศิษย์
ดูตระกูลเผ่าผู้ เพื่อด้วยเจรจาฯ
๗๑.พระสมุทรสุดลึกล้น คณนา
สายดิ่งทิ้งทอดมา หยั่งได้
เขาสูงอาจวัดวา กำหนด
จิตต์มนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึงฯ
๗๒.ไม้ล้มควรค่ามได้ โดยหมาย
คนล้มจักข้ามกราย ห่อนได้
ทำชอบชอบห่อนหาย ชอบกลับ สนองนา
ทำผิดผิดจักให้ โทษแท้ถึงตนฯ
๗๓.ไม้ล้มจักค่ามให้ ดูกาล
คนท่าวล้มข้ามพาน ห่อนไต้
เสือผอมอย่าอวดหาญ เข้าผลัก เสือแฮ
พาลประทุษฐ์ตกไร้ อย่าได้ทำคุณฯ
๗๔.ทรชนยากไร้อย่า ทำคุณ
อย่าหยิบทรัพย์อุดหนุน หย่อนให้
ก่อเกื้อเกือบเกินทุน มันมั่ง มีนา
ครั้นค่อยคลายวายไร้ กลับสู้ดูแคลนฯ
๗๕.ทำคุณท่านห่อนรู้ คุณสนอง
ท่านบ่แทนคุณปอง โทษให้
กลกาแต่งยูงทอง ลายเลิศ
ยูงเอาหมึกม่อไล้ ลูบสิ้นสรรพางค์ฯ
๗๖.เทพาพันเทพเรื้อง ฤทธิรงค์
บ่เท่าพระอินทร์องค์ หนึ่งได้
คุณพันหนึ่งดำรง ความชอบ ไว้นา
มีโทษอันหนึ่งไซร้ กลบกล้ำพันคุณฯ
๗๗.ใครซื่อซื่อต่อตั้ง ตามกัน
ใครคดคดผ่อนผัน ตอบเต้า
ทองแดงว่าสุวรรณ ยังถ่อง เหมือนฤา
ดุจลูกสูสองเถ้า ว่าโอ้เป็นลิงฯ
๗๘.นายรักไพร่ไพร่พร้อม รักนาย
มีศึกสู้จนตาย ต่อแย้ง
นายเบียนไพร่กระจาย จากหมู่
นายบ่ไพร่แกล้ง ล่อล้างผลาญนายฯ
๗๙.ข้าท้าวเอาจิตต์ท้าว แม่นหมาย
บ่าวท่านเอาใจนาย แม่นหมั้น
ศิษย์ท่านผ่อนผันผาย โดยจิตต์ ครูนา
อยู่ที่เรือนตัวนั้น แต่น้ำใจเองฯ
๘๐.รักกันอยู่ขอบฟ้า เขาเขียว
เสมออยู่หอแห่งเดียว ร่วมห้อง
ชังกันบ่แลเหลียว ตาต่อ กันนา
เหมือนขอบฟ้ามาป้อง ป่าไม้มาบังฯ
๘๑.ให้ท่านท่านจักให้ ตอบสนอง
นบท่านท่านจักปอง นอบไหว้
รักท่านท่านควรครอง ความรัก เรานา
สามสิ่งนี้เว้นไว้ แต่ผู้ทรชนฯ
๘๒.แม้นมีความรู้ดั่ง สัพพัญญู
ผิบ่มีคนชู ห่อนขึ้น
หัวแหวนค่าเมืองตรู ตาโลก
ทองบ่รองรับพื้น ห่อนแก้วมีศรีฯ
๘๓.ราชรถปรากฏด้วย ธงชัย
ควันประจักษ์แก่ไฟ เที่ยงแท้
ราชาอิสระใน สมบัติ
ชายย่อมเฉลิมเลิศแล้ ปิ่นแก้วเกศหญิงฯ
๘๔.รำฟ้อนสุนทรด้วย รูปา
ร้องขับศัพท์เสน่หา ยิ่งแท้
มวยปล้ำล่ำสันสา มารถจึ่ง ดีแฮ
รักกับชังนั้นแล้ เพื่อลิ้นเจรจาฯ
๘๕.กระเหว่าเสียงเพราะแท้ แก่ตัว
หญิงเลิศเพราะรักผัว แม่นหมั้น
นักปราชญ์มาตรรูปมัว หมองเงื่อน งามนา
เพราะเพื่อรสธรรมนั้น ส่องให้เห็นงามฯ
๘๖.นารายณ์วายเว้นจาก อาภรณ์
อากาศขาดสุริยจร แจ่มหล้า
เมืองใดบ่มีวร นักปราชญ์
แม้ว่างามล้นฟ้า ห่อนได้งามเลยฯ
๘๗.เขาใดไร้ถ้ำราช สีห์หมาง
สระโหดหงส์ละวาง วากเว้
พฤกษ์ใดบกใบบาง นกหน่าย
สาวซัดชู้โอ้เอ้ เพราะชู้ชายทรามฯ
๘๘.ป่าใดไกลพยัคฆ์ร้าย ราวี
ไม้หมดม้วยบ่มี ร่มซื้อ
หญิงยศงดงามดี ผัวหน่าย
เป็นที่หมิ่นชายยื้อ หยอกเย้าเสียตนฯ
๘๙.พลูหมากจากโอษฐ์โอ้ เสียศรี
หญิงจากจอมสามี ครอบเกล้า
เรือนปราศจากบุตรี ดรุณเด็ก
เมืองจากจอมภพเจ้า สิ่งนี้ฤางามฯ
๙๐.เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม ดนตรี
อักขระห้าวันหนี เนิ่นช้า
สามวันจากนารี เป็นอื่น
วันหนึ่งเว้นล้างหน้า อับเศร้าศรีหมองฯ
๙๑.ดอยใดมีถ้ำราช สีห์ประสงค์
เมืองมาบมีบัวหงส์ หากใกล้
ต้นไม้พุ่มพัวพง นกมาก มีนา
สาวหนุ่มตามชู้ไซร้ เพราะชู้ชอบตาฯ
๙๒.เปือกตมชมชื่นเชื้อ กาษร
หงส์กับบุษบากร ชื่นช้อย
ภิกษุเสพสังวร ศีลสุข ไซร้นา
บุรุษรสรักร้อย เท่าน้อมในหญิงฯ
๙๓.ใครจักผูกโลกแม้ รัดรึง
เหล็กเท่าลำตาลตรึง ไป่หมั้น
มนต์ยาผูกนานหึง หายเสื่อม
ผูกเพื่อไมตรีนั้น แน่นเท้าวันตายฯ
๙๔.เรียนพระธรรมแท้ผูก ศาสนา
ปลอกผูกคชตรึงตรา ตรากหมั้น
มนต์ดลและหยูกยา สมรรถผูก งูแฮ
ผูกโลกทั้งหลายนั้น แน่นด้วยไมตรีฯ
๙๕.รบศึกชำนะได้ ในณรงค์
รบแม่เรือนตัวยง ขยาดแท้
รบใจชักให้คง ความสัตย์
ถือว่าผู้นั้นแล้ เลิศล้าชายชาญฯ
๙๖.คนใดคนหนึ่งผู้ ใจฉกรรจ์
เคียดฆ่าคนอนันต์ หนักแท้
ไป่ปานบุรุษอัน ผจญจิตต์ เองนา
เธียรท่านเยิรยอแล้ ว่าผู้มีชัยฯ
๙๗.สงครามแสวงท่วยแกล้ว อาสา
กลคดีพึงหา ท่านรู้
ยามกินรสโอชา ชวนเพื่อน กินนา
หาปราชญ์ล้ำเลิศผู้ เมื่อแก้ปริศนาฯ
๙๘.แสวงรู้พึงคบด้วย บัณฑิต
แสวงทรัพย์คบพาณิช ง่ายไซร้
แสวงหายศศักดิ์ชิด ชอบราช
ผิใคร่ได้ลูกไซร้ สำส้องเมียสาวฯ
๙๙.ร้อยคนหาแกว่นแกล้ว กลางณรงค์
พันหนึ่งหาปัญญายง ยิ่งรู้
แสนคนเสาะคนตรง ยังยาก
ไป่เท่าคนหนึ่งผู้ อาจอ้างอวยทานฯ
๑๐๐.ช้างม้าเมียมิ่งแก้ว เงินทอง
ตัวมิตายจักปอง ย่อมได้
ชีวิตสิ่งเดียวของ หายาก
ใช่ประทีปเทียนไต้ ดับแล้วจุดคืนฯ
๑๐๑.หาสินห้าปีเข้า พยายาม
แสวงคู่ผู้เมียสาม ขวบเข้า
แสวงรู้ค่อยเรียนตาม ต่อเจ็ด ขวบนา
แสวงใฝ่เฝ้าไทท้าว ต่อสิ้นสุดกรรมฯ
๑๐๒.เมื่อน้อยเรียนเร่งรู้ วิชา
ครั้นใหญ่หาสินมา สู่เหย้า
เมื่อกลางแก่ศรัทธา ทำแต่ บุญนา
ครั้นแก่แรงวอกเว้า ห่อนได้เป็นการฯ
๑๐๓.ปางน้อยสำเหนียกรู้ เรียนคุณ
ครั้นใหญ่ย่อมหาทุน ทรัพย์ไว้
เมื่อกลางแก่แสวงบุญ ธรรมชอบ
ยามหง่อมทำใดได้ แต่ล้วนอนิจจังฯ
๑๐๔.ความรู้ดูยิ่งล้ำ สินทรัพย์
คิดค่าควรเมืองนับ ยิ่งไซร้
เพราะเหตุจักอยู่กับ กายอาต มานา
โจรจักเบียนบ่ได้ เร่งรู้เรียนเอาฯ
๑๐๕.ความเพียรเป็นอริแล้ว เป็นมิตร
คร้านเกียจเป็นเพื่อนสนิท ร่วมไร้
วิชาเฉกยาติด ขมขื่น
ประมาทเหมือนดับไต้ ชั่วร้ายฤาเห็นฯ
๑๐๖.ผิรู้รู้จงให้ เทียมคน
จักเงื่องเงื่องเป็นกล เงื่องแหง้
จักสุกอย่าสุกปน ดิบครึ่ง หนึ่งนา
ทางไล่ไว้หนีแก้ รอดแคล้วภัยพาลฯ
๑๐๗.ความรู้รู้ยิ่งได้ สินศักดิ์
เป็นที่ชนพำนัก นอบหิ้ว
อย่าเกียจเกลียดหน่ายรัก เรียนต่อ
รู้ชอบใช่หอบหิ้ว เหนื่อยแพ้แรงโรยฯ
๑๐๘.วิชาเป็นเพื่อนเลี้ยง ชีวิต
ยามอยู่เรือนเมียสนิท เพื่อนร้อน
ร่างกายสหายติด ตามทุกข์ ยากนา
ธรรมหากเป็นมิตรซ้อน เมื่อม้วยอาสัญฯ
๑๐๙.เป็นชายความรู้ยิ่ง เป็นทรัพย์
ทุกประเทศมีผู้นับ อ่านอ้าง
สตรีรูปงามสรรพ เป็นทรัพย์ ตนนา
แม่ตกยากไร้ร้าง ห่อนไร้สามีฯ
๑๑๐.เห็นใดจำให้แน่ นึกหมาย
ฟังใดอย่าฟังดาย สดับหมั้น
ชนม์ยืนอย่าพึงวาย ตรองตรึก ธรรมนา
สิ่งสดับทั้งนั้น ผิดเพี้ยนเป็นครูฯ
๑๑๑.เภตราเพียบล้มล่ม จมอรร-ณพนา
เกวียนหนักหักเพลาพลัน ง่ายไซร้
น้ำน่านซ่านหลิ่งคัน เพราะเปี่ยม เต็มแฮ
ผู้ประจาคมากให้ ทรัพย์ม้วยหมดตนฯ
๑๑๒.คนใดโผงพูดโอ้ อึงดัง
อวดว่ากล้าอย่าฟัง สับปลี้
หมาเห่าเล่าอย่าหวัง จักขบ ใครนา
สองเหล่าเขาหมู่นี้ ชาติเชื้อเดียวกันฯ
๑๑๓.เสือใดแรงร้ายระ พะพง
อาจอุกบุกดงยง ขบคั้น
กินสัตว์สุระทะนง ศักดิ์สาธุ์
จักฉิบหายตายหมั้น เพราะร้ายแรงทะนงฯ
๑๑๔.ลับหลังบังเบียดล้าง ลบคุณ
ต่อพักตร์ยกยอบุญ ลึกซึ้ง
คบมิตรจิตต์ปานปุน เป็นดุจ นี้นา
กลดั่งเสพน้ำผึ้ง คลุกเคล้ายาตายฯ
๑๑๕.ผู้อื่นแม้ประโยชน์ไซร้ เสมอมิตร
มิตรประทุษฐ์ทำจิตต์ เจ็บช้ำ
กายกับพยาธิชิด ใครชอบ เลยนา
รุกขชาติในป่าล้ำ เลิศให้เป็นยาฯ
๑๑๖.สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน
กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขร้ำ
บาปเกิดแต่ตนคน เป็นบาป
บาปย่อมทำโทษซ้ำ ใส่ผู้บาปเองฯ
๑๑๗.ฟักแฟงแตงเต้าถั่ว งายล
หว่านสิ่งใดให้ผล สิ่งนั้น
ทำทานหว่านกุศล ผลเพิ่ม พูนนา
ทำบาปบาปซั้นซั้น ไล่เลี้ยวตามตนฯ
๑๑๘.ยายำประกอบด้วย มนต์ดล
เคราะห์โศกฤกษ์บนปน ปะไซร้
แม้นบุญช่วยอวยผล ผลเพิ่ม พูนนา
แม้นบาปบุรพกรรมให้ บาปซ้ำเสียศูนย์ฯ
๑๑๙.มีสินฤาเท่าผู้ มีคุณ
ข่าศึกฤาปานปุน พยาธิ์ไซร้
รักใดจักเพิ่มพุน รักอาต-มานา
แรงอื่นฤาจักได้ เท่าด้วยแรงกรรมฯ
๑๒๐.อย่าโทษไทท้าวท่วย เทวา
อย่าโทษสถานภูผา ย่านกว้าง
อย่าโทษหมู่วงศา มิตรญาติ
โทษแต่กรรมเองสร้าง ส่งให้เป็นเองฯ
๑๒๑.หมอแพทย์ทายว่าไข้ ลมคุม
โหรว่าเคราะห์แรงรุม โทษให้
แม่มดว่าผีกุม ทำโทษ
ปราชญ์ว่ากรรมเองไซร้ ก่อสร้างมาเองฯ
๑๒๒.แม้นมีตัวใหญ่เพียง ภูผา
สูงเจ็ดลำตาลสา- มารถแท้
พงศ์พันธุ์เผ่าจันทรา สุริเยศ ก็ดี
ครั้นว่าไร้ทรัพย์แล้ ทั่วหล้าฤาเห็นฯ
๑๒๓.คนผู้หินชาติช้า พงศ์พันธุ์
ครั้นมั่งมีสินสรรพ์ อวดอ้าง
แม้ผู้เผ่าสุริยจันทร์ สูงศักดิ์ ก็ดี
ครั้นทรัพย์แรมโรยร้าง หมู่ร้ายดูแคลนฯ
๑๒๔.แม้มีเนตรพ่างเพี้ยง พันจัก-ษุแฮ
มีวิชารู้หลัก เลิศล้น
ปัญญายิ่งยศศักดิ์ ลือทั่ว ภพนา
รู้เท่าใดฤาพ้น พ่ายแพ้ความตายฯ
๑๒๕.มีฤทธิ์แรงมากแม้ ทศพล ก็ดี
หักพระเมรุทบทน ท่าวแท้
หยิบยกสี่สากล ชูกลอก ไว้นา
บัดย่อมจะพ่ายแพ้ แก่ท้าวมฤตยูฯ
๑๒๖.มีฤทธิ์รู้ยิ่งแม้น สัพพัญญู ก็ดี
เหิรเห็จเตร็ดไตรตรู ทั่วหล้า
ดำดินแหวกสินธู ทุกทวีป
รู้เท่ารู้ล้นฟ้า ห่อนพ้นความตายฯ
๑๒๗.มีบุตรบ่วงหนึ่งเกี้ยว พันคอ
ทรัพย์ผูกบาทาคลอ หน่วงไว้
ภรรยาเยี่ยงปวงปอ รึงรัด มือนา
สามบ่วงใครพ้นได้ จึ่งพ้นสงสารฯ
๑๒๘.บัญญัติลูกเต้าทรัพย์ สินสกล
ผู้โฉดคิดเวียนวน โศกเศร้า
บ่คิดว่าตัวตน ศูนย์เปล่า ไซร้ฤา
เมียลูกทรัพย์หากเข้า เกาะยื้อยามมรณ์ฯ
๑๒๙.ผู้ใดมีมั่งขั้ง เงินทอง
ลูกที่ดีให้ครอง สืบไว้
ลูกร้ายอย่าพึงปอง มอบทรัพย์ ให้นา
พึงวิจารณ์ประมวลให้ รอบรู้เป็นคุณฯ
๑๓๐.มีลูกจากโทษแท้ สาธารณ์
เข้าบ่อนคบคนพาล ลักลี้
ส้องเสพสุราบาน การบาป
จากโทษแท้เท่านี้ ลาภล้ำบิดาฯ
๑๓๑.ลูกหนึ่งยอดยิ่งล้ำ ประยูร
ลูกหนึ่งเทียมตระกูล พ่อแท้
ลูกหนึ่งถ่อยสถูล กว่าชาติ
สามสิ่งนี้มีแล้ เที่ยงแท้ทุกคนฯ
๑๓๒.มีลูกลูกเล่าไซร้ หลายประการ
ลูกหนึ่งพึงล้างผลาญ ทรัพย์ม้วย
ลูกหนึ่งย่อมคบพาล พาผิด มานา
ลูกที่ดีนั้นด้วย ว่ารู้ฟังคำฯ
๑๓๓.พระจันทร์โอภาสด้วย ราตรี
แสงสว่างแผ้วพันสี ส่องหล้า
กษัตริย์อ่าอินทรีย์ เรืองรุ่ง งามนา
บุตรที่ดีรุ่งหน้า พวกพ้องพงศ์พันธุ์ฯ
๑๓๔.ว่าเมียมีมากล้ำ หลายเมีย
เมียหนึ่งยกยอเยีย อย่างแหม้
เมียหนึ่งส่ายทรัพย์เสีย ศูนย์จาก ตนนา
เมียหนึ่งทำโทษแท้ เที่ยงให้ฉิบหายฯ
๑๓๕.เมียมากจงระมัดหมั้น ตัวตน
มันย่อมหามนต์ดล คิดร้าย
รักนักมักหลงกล การเสน่ห์
ควรประหยัดอย่าหง้าย จักสิ้นเสียตัวฯ
๑๓๖.หญิงประทุษฐ์ทำเล่ห์ซ้อน เหนือชาย
คิดคดมุ่งมั่นหมาย ค่ำเช้า
คนไข้ป่วยปางตาย อับลาภ
เอาพิษเพิ่มภักษ์เข้า เหตุนั้นควรถวิลฯ
๑๓๗.หญิงชั่วผัวหย่าร้าง สามคน
ข้าหลีกหนีสามหน จากเจ้า
ลูกศิษย์ผิดครูตน สามแห่ง
เขาหมู่นี้อย่าเข้า เสพส้องสมาคมฯ
๑๓๘.หญิงชั่วชู้ร้ายรัก ฤาคลาด
เห็นบุรุษนักปราชญ์ เกลียวใกล้
แมลงวันย่อมเอาชาติ อสุภ เน่านา
บ่เสาะกลิ่นดอกไม้ ดุจผึ้งภุมราฯ
๑๓๙.ปางก่อนเคยร่วมน้ำ ใจจิตต์
เคยยื่นทรัพย์ไปล่ปลิด ปลดให้
เคยเป็นมิ่งเมียสนิท หลายชาติ มานาฯ
ในชาตินี้จึงได้ เสพส้องครองกัน
๑๔๐.อากาศหฤโหดร้าย คือกา
สัตว์สี่ตีนคือลา โหดแท้
นักพรตมักโกรธา หฤโหด
ร้ายกว่าร้ายนั้นแล้ แต่ผู้นินทาฯ
๑๔๑.ถ่อลอยกลางแม่น้ำ ฤาจะเอา
แม้มิบุบบางเบา มอดย้ำ
สตรีรูปลำเภา ผัวหย่า เล่าแฮ
ยักหล่มถ่มร้ายซ้ำ ไม่ร้ายแรงหึงฯ
๑๔๒.ดังฤาแม่น้ำและ หนทาง
ศาลสระโรงบึงบาง บ่อห้วย
เปรียบประดุจใจนาง ในโลก นี้นา
ฤาอิ่มเวลาด้วย แห่งห้องสงสารฯ
๑๔๓.แมลงวันท่วยเด็กน้อย นารี
พลูกัดชลกุณฑี ลูกไม้
น้ำไหลและฤาษี สิทธิศักดิ์ นั้นฤา
เจ็ดสิ่งนี้อย่าได้ เกลียดอ้างเป็นเดนฯ
๑๔๔.ดูข้าดูเมื่อใช้ การหนัก
ดูมิตรพงศารัก เมื่อไร้
ดูเมียเมื่อไข้จัก จวนชีพ
อาจจักรู้จิตต์ไว้ ว่าร้ายฤาดีฯ
๑๔๕.มีข้าคิดชอบใช้ หลายสถาน
ข้าหนึ่งกิจการงาน เจ็บร้อน
ข้าหนึ่งฉกฉ้อพาล เบียนเบียด
ข้าหนึ่งคอยขอดข้อน แนะให้ศัตรูฯ
๑๔๖.ทาสาอย่าคิดไว้ วางใจ
ปกปิดกลภายใน อย่าหง้าย
เลิศลับสิ่งใดใด เห็นเหตุ
มันแนะนำทำร้าย หมดสิ้นเสียตัวฯ
๑๔๗.ความลับอย่าให้ทาส จับที
ปกปิดมิดจงดี อย่าแผร้
แม้ให้ทราบเหตุมี หลายหลาก
นับว่าข้าทาสแท้ โทษร้ายเร็วถึงฯ
๑๔๘.หญิงทาสทางทาสใช้ โดยควร
อย่าและเล็มลามลวน วากเว้
รู้รสก่อเชิงชวน ใช้ยาก
ดังแมลงป่องจระเข้ ก่งแหง้งอนหางฯ
๑๔๙.หญิงชายบ้าบาปเถ้า ทุรชน
ใครอดออมข้าคน หมู่นี้
ศิริห่อนจากตน คลาดคลาด
มาช่วยชูตีนกี้ เมื่อรื้อวางวายฯ
๑๕๐.พ่อชั่วคนรู้ย่อม สาธารณ์
แม่ชั่วปากสามานย์ กล่าวกล้า
พ่อแม่โคตรสันดาน สุทธชาติ
คำอ่อนหวานบานหน้า ร่วมรู้อันดีฯ
๑๕๑.พ่อตายคือฉัตรกั้ง หายหัก
แม่ดับดุจรถจักร จากด้วย
ลูกตายบ่วายรัก แรงร่ำ
เมียมิ่งตายวายม้วย มืดคลุ้มแดนไตรฯ
๑๕๒.พิษร้อนในโลกนี้ มีสาม
พิษหอกดาบเพลิงลาม ลวกไหม้
ร้อนจริงก็มียาม หยุดหย่อน เย็นนา
ร้อนสิ่งเดียวร้อนไร้ ยิ่งร้อนฤาวายฯ
๑๕๓.ธรรมดายาโรคร้อน รสขม
กินก็บำบัดลม และไข้
คนซื่อกล่าวใครชม ว่าชอบ หูแฮ
จริงไป่จริงนั้นไซร้ ผ่ายหน้านานเห็นฯ
๑๕๔.โทษท่านผู้อื่นเพี้ยง เมล็ดงา
ปองติฉินนินทา ห่อนเว้น
โทษตนเท่าภูผา หนักยิ่ง
ป้องปิดคิดซ่อนเร้น เรื่องร้ายหายศูนย์ฯ
๑๕๕.คนรักมีมากไซร้ แสดงผล
ชังมากนินทาตน โศกเศร้า
รักมากเมื่อกังวล วานช่วย กันนา
ชังมากมักรุมเร้า กล่าวร้ายรันทำฯ
๑๕๖.ดอกบัวหนามณก้าน คนฉิน
สระก็มีมลทิน ไป่พร้อง
น้ำล้างสิ่งของกิน พึงเกลียด ตินา
คลองอาบอากูลซ้อง สิ่งร้ายเป็นดีฯ
๑๕๗.ลิ้นพราหมณ์ตานกแร้ง จมูกมด
น้ำจิตพระยากำหนด ยากแท้
คำครูสั่งสองบท ธรรมเมศ
ห้าสิ่งนี้แหลมแล้ รวดรู้เร็วจริงฯ
๑๕๘.คนตื่นคืนหนึ่งช้า จริงเจียว
มล้าวิถีโยชน์เดียว ดุจร้อย
สงสารหมู่พาลเทียว ทางเนิ่น นานมา
เพราะบ่เห็นทางน้อย หนึ่งให้เป็นคุณฯ
๑๕๙.เฝ้าท้าวเทียมเสพด้วย ยาพิษ
เข้าสู่สงครามชิด ใช่ช้า
ทรงครรภ์และพาณิช เที่ยวท่อง ชเลนา
บัดชื่นบัดเศร้าหน้า กล่าวใกล้ความตายฯ
๑๖๐.บรรทมยามหนึ่งไท้ ทรงฤทธิ์
หกทุ่มหมู่บัณฑิต ทั่วแท้
สามยามพวกพาณิช นรชาติ
นอนสี่ยามนั้นแล้ เที่ยงแท้เดียรฉานฯ
๑๖๑.ราชาธิราชน้อม ในสัตย์
อำมาตย์เป็นบรรทัด ถ่องแท้
ฝูงราษฎร์อยู่ศรีสวัสดิ์ ทุกเมื่อ
เมืองดั่งนี้เลิศแล้ ไพร่ฟ้าเปรมปรีดิ์ฯ
๑๖๒.ข้าท่านคร้านหลีกเจ้า จากเจียร
ชีบ่เล่าเรียนเขียน อ่านไซร้
ชาวนาละความเพียร ไถถาก
สามสิ่งนี้โหดให้ โทษแท้คนฉินฯ
๑๖๓.นายเรือนใหญ่อยู่เหย้า เรือนตน
นายซ่องเป็นใหญ่คน ลูกบ้าน
ท้าวพระยาใหญ่กว่าชน ในเขต แดนนา
นักปราชญ์ใหญ่แปดด้าน ทั่วด้าวทิศาฯ
๑๖๔.สตรีดีรูปได้ เป็นทรัพย์
ชายฉลาดความรู้สรรพ ทรัพย์ได้
พราหมณ์ทรงเวทยานับ ว่าทรัพย์ พราหมณ์นา
ภิกษุเกิดลาภไซร้ เพื่อรู้เทศน์ธรรมฯ
๑๖๕.เรียนสรรพสบศาสตร์สิ้น เพลงศิลป์
ประสิทธิ์เสร็จทั้งแดนดิน ย่อมได้
ตามปัญญายิ่งโดยจินต์ คดีโลก
สอนอัชฌาสัยไซร้ ห่อนได้มีครูฯ
๑๖๖.เรียนรู้ครูบอกได้ เสร็จสรรพ์
สบศาสตร์ศิลป์ทุกอัน ย่อมรู้
อัชฌาสัยแห่งสามัญ บุญแต่ง มาแฮ
ครูพักนักสิทธิ์ผู้ เลิศได้บอกเลยฯ
๑๖๗.แม้นบุตรยังอย่าได้ ขวนขวาย
อย่าตื่นตีตนตาย ก่อนไข้
ลูกพร้าวอยู่ถึงปลาย สูงสุด ยอดนา
ใครพร่ำน้ำตักให้ หากรู้เต็มเองฯ
๑๖๘.นกน้อยขนน้อยแต่ พอตัว
รังแต่งจุเมียผัว อยู่ได้
มักใหญ่คนย่อมหวัว ไพเพิด
ทำแต่พอตัวไซร้ อย่าให้คนหยันฯ
๑๖๙.เห็นท่านมีอย่าเคลิ้ม ใจตาม
เรายากหากใจงาม อย่าคร้าน
อุตส่าห์พยายาม การกิจ
เอาเยี่ยงอย่างเพื่อนบ้าน อย่าท้อทำกินฯ
๑๗๐.เริ่มการตรองตรึกไว้ ในใจ
การจะลุจึงไข ข่าวแจ้ง
เดื่อดอกออกห่อนใคร เห็นดอก
ผลผลิตคิดแล้วแผร้ง แพร่ให้คนเห็นฯ
๑๗๑.การใดตรองผิดไซร้ เสียถนัด
เอาสิ่งนั้นตรองขัด คิดแก้
หนามยอกสิ่วแคะคัด ฤาออก
หนามต่อหนามนั้นแล้ เขี่ยได้คืนถอนฯ
๑๗๒.ผมผิดคิดสิบห้า วันวาร
ทำไร่ผิดเทศกาล ขวบเข้า
เลี้ยงเมียผิดรำคาญ คิดหย่า
ทำผิดไว้คิดเศร้า ตราบท้าววันตายฯ
๑๗๓.เดินทางต่างเทศให้ พิจารณ์
อาสน์นั่งนอนอาหาร อึกน้ำ
อดนอนอดบันดาล ความโกรธ
ห้าสิ่งนี้คุณล้ำ เลิศล้วนควรถวิลฯ
๑๗๔.อาศัยเรือนท่านให้ วิจารณ์
เห็นท่านทำการงาน ช่วยพร้อง
แม้มีกิจโดยสาร นาเวศ
พายถ่อช่วยค้ำจ้อง จรดให้จนถึงฯ
๑๗๕.เขาบ่เรียกสักหน่อยขึ้น เคหา
ท่านบ่ถามเจรจา อวดรู้
ยกตนอหังการ์ เกินเพื่อน
สามลักษณะนี้ผู้ เผ่าร้ายฤาดีฯ